สมัยก่อนจำได้ว่ากว่าจะซื้อหาเมล่อนญี่ปุ่นได้ก็ยาก ยิ่งต่างจังหวัดแล้ว ยิ่งหาไม่ได้ ราคาก็แสนแพง แต่ทุกวันนี้ประเทศไทยมีการปลูกเมล่อนญี่ปุ่นอย่างแพร่หลายมากขี้น แม้มีพื้้นที่จำกัดก็สามารถปลูกได้
ขั้นตอนที่ 1 การบ่มเมล็ด
นำเมล็ดพันธุ์เมล่อนแช่ในน้ำสะอาดผสมกับสารเร่งราก (King start B1 ราคา 40 บาท) แช่เมล็ดไว้ 20 นาที
ต่อจากนั้น นำเมล็ดที่แช่น้ำแล้ว มาวางในกระดาษเพาะกล้าหรือผ้าขาวบางชุบน้ำมาดๆ แล้วจึงห่อเมล็ด ห่อกระดาษเพาะเมล็ดอีกครั้งด้วยถุงพลาสติกใสหรือถุงใส่แกง เก็บในที่อุณหภูมิ 28- 30 องศาเซลเซียส โดยใส่ในภาชนะที่มิดชิด ุูนานประมาณ 1 วัน
คำแนะนำ เมื่อเปิดซองเมล็ดพันธุ์แล้ว ควรเพาะให้หมดในคราวเดียว และ
ไม่ควรวางเมล็ดหนาแน่นเกินไป
ขั้นตอนที่ 2 การเพาะกล้า
• บรรจุวัสดุเพาะกล้า (พีทมอส หรือดินเพาะ) ลงในถาดเพาะกล้า่่ิ รดน้ำให้ชุ่ม
• นำเมล็ด มาหยอดลงในถาดเพาะโดยวางให้เมล็ดอยู่ในแนวนอน ทำมุมประมาณ 45 องศา และปลายรากแทงลงวัสดุเพาะ ระวังอย่าให้รากอ่อนของเมล็ดหักหรือแห้ง กลบด้วยวัสดุเพาะกล้า แล้วกดทับเบาๆ
• รดน้ำให้ชุ่ม นำไปเก็บในโรงเรือนเพาะกล้า หรือบริเวณที่มีแสงแดด
• รดน้ำทุกวัน เพื่อให้วัสดุเพาะกล้าชุ่มอยู่เสมอ จนอายุกล้าได้ 10 - 12 วัน
ขั้นตอนที่ 3 การย้ายกล้า
ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบแท้ 2 ใบ หรืออายุไม่เกิน 12 วัน
ข้อควรระวังในการย้ายกล้า
• หากมีการเคลื่อนย้ายต้นกล้าจากโรงเรือนไปแปลงเพาะปลูกที่มีระยะห่างกันมาก ควรพักต้นกล้าก่อนปลูกอย่างน้อย 1 วัน
• ก่อนปลูก 2 วัน ควรรดน้ำแปลงให้ชุ่มและพ่นสารป้องกันกำจัดแมลงและโรคพืช
• ควรย้ายกล้าในช่วง เย็น อากาศไม่ร้อนแดดไม่จัด
• หลุมปลูกควรมีความลึกและกว้าง เท่ากับขนาดหลุมของถาดเพาะกล้า
• ควรระวังอย่าให้วัสดุเพาะแตกหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเติบโต(ควรฉีดยาป้องกันเชื้อรา)
• เวลาย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงแปลง ให้จับบริเวณปลายยอดไม่ควรดึงหรือบีบบริเวณโคนต้น
• กลบดินครอบคลุมโดนต้นกล้า
ขั้นตอนที่ 4 การตัดแขนงและผสมเกสร
การเด็ดแขนง
•ให้เด็ดแขนงข้อที่ 1 – 8 ออก เมื่อเมล่อนอายุ 9 - 14 วันหลังย้ายปลูก
•การเด็ดแขนงควรทำในขณะที่แขนงยังมีขนาดเล็ก และทำในตอนเช้าจะทำให้แผลแห้งเร็ว แล้วให้ฉีดพ่นสารกันเชื้อราในตอนเย็น
•เมื่อเด็ดออกจะทำให้ยอดแตงเจริญเติบโตได้เร็วการเตรียมค้างผูกเชือก และขึ้นยอด
•การขึ้นยอดควรทำช่วงเช้า
•ควรจัดเถาเมล่อน 1 เถาต่อต้นเมื่อเมล่อนเริ่มทอดยอด ให้พันยอดกับเชือก 2 วันต่อครั้ง อย่าปล่อยให้ยอดเลื้อยการตัดแต่งแขนงและไว้แขนงก่อนผสม ตำแหน่งที่ไว้แขนงผสมดอก
•ให้เลี้ยงแขนงข้อ 9 -12 เอาไว้ผสม
•ควรเด็ดยอดแขนงให้เหลือ 2 ใบ
•เหนือข้อที่ 12 ให้เด็ดแขนงย่อยออก
•เด็ดยอดในข้อที่ 25 ให้มีจำนวนใบ 22 - 25 ใบ
การผสมเกสร
•ดอกเมล่อนเป็นสมบูรณ์ คือมีเกสรตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่บนต้นเดียวกัน
•ดอกตัวผู้จะอยู่ระหว่างข้อบนลำต้น
•การผสมเกสรควรทำในตอนเช้าเวลา 7.00 – 10.00 น.
•เลือกผสมดอกเพียง 2 - 3 แขนงต่อต้น
•ควรจดบันทึกที่ดอกบานหรือจำนวนดอกที่ผสมในแต่ละวัน(ใช้ไหมพรมหลากสีพันขั้วผล เพื่อกำหนดวันเก็บเกี่ยว)
•ให้ฉีดพ่น นูริช อัตรา 15 ซีซี/ 20 ลิตร ทุกๆ 3 วัน ประมาณ 2 สัปดาห์
ขั้นตอนที่ 5. การคัดเลือกผล
•เลือกแขนงที่มีผลรูปทรงไข่ ผลใหญ่
•ผลสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีรอยขีดข่วน
•ไม่มีโรค และแมลงเข้าทำลาย
•เมื่อได้ลูกที่สมบูรณ์แล้ว ควรตัดลูกที่ไม่ต้องการทิ้งให้เหลือไว้เพียง 1 ผล
•ควรปรับเพิ่มปริมาณการให้น้ำและปุ๋ยเพื่อให้ผลโตได้เต็มที่ไม่เกิน 18 วันหลังผสมเกสร
•ใช้เชือกแขวนผลให้อยู่ในที่โปร่งและได้รับแสงสม่ำเสมอการแขวนผล ใช้เชือกคล้องที่ขั้วผลไว้เพื่อรับน้ำหนัก หรืออาจใช้ลวดที่หุ้มด้วยสายยางขนาดเล็กดัดงอให้เป็นห่วง โดยยึดผลไว้กับเชือกที่ยึดต้นเมล่อน
•แขวนผลให้ขนานกับพื้นเพื่อความสะดวกในการเข้าทำงานในโรงเรือน
ขั้นตอนที่ 6 การพัฒนาของผลและการเก็บเกี่ยว
•อายุผล ฤดูร้อนประมาณ 40 วัน ฤดูฝนประมาณ 43 วันและฤดูหนาวประมาณ 45 วัน
•สีผลเขียวเข้มและตาข่ายขึ้นนูนชัดเจน เต็มผล
•นับอายุผลหลังการผสมดอก 43-45 วัน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
•ขั้วผลยกนูน หรือมีแนวแยกตามยาวที่ก้านผล
•ถ้าก้นผลนิ่มแสดงว่าสุกมากเกินไป
•สภาพต้นต้องสมบูรณ์ ไม่เป็นโรค
•ระหว่างการเก็บเกี่ยวเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วไม่ควรตั้งผลเมล่อนบนพื้นดิน ควรจัดหาภาชนะมารองรับ
•ผลเมล่อนไม่ควรตากแดดหรือตั้งในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง ควรเคลื่อนย้ายมายังที่ร่มหรืออุณหภูมิต่ำเพื่อลดอัตราการหายใจของผลผลิต